โครงสร้างโฆษณาที่ต้องรู้ก่อนทำ Facebook Ads

การทำโฆษณาผ่านสื่อ Facebook Ads

ไม่ได้ถือเป็นเรื่องใหม่ของทำการตลาดดิจิทัลในยุคนี้ และเราก็เชื่อว่าหลายๆคนที่กำลังอ่านบทความนี้ก็น่าจะเคยทำ Facebook Ads และเริ่มศึกษาข้อมูลมาบ้างแล้ว บางคนอาจจะใช้ทำโฆษณาออนไลน์ให้กับกิจการของตนเองอยู่ประจำ หรือบางคนอาจจะเอามาใช้ในการทำงาน social media และใช้ Facebook ในการทำงานหลักก็มีเช่นกัน

facebook-ads-objectives

ความเข้าใจที่เป็นพื้นฐานในการทำ Facebook Ads มีอยู่หลายอย่างหลายประการ แต่พื้นฐานที่มีอยู่อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นความสำคัญ และเป็นเรื่องแรกๆ ที่ควรเข้าใจเป็นอย่างมากก่อนที่จะไปเริ่มทำโฆษณา Facebook Ads นั้นก็คือ Campaign Structure หรือโครงสร้างโฆษณา Facebook Ads

Campaign Structure ของ Facebook Ads คืออะไร

Campaign Structure ของ Facebook Ads

Campaign Structure ของ Facebook Ads มีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อน แต่มีเนื้อหาที่จะต้องจดจำและทำความเข้าใจให้ดีอยู่หลายส่วน โครงสร้างที่ว่านี้ประกอบด้วยชั้น (Layer) ทั้งหมด 3 ชั้น คือ

  1. แคมเปญ (Campaign)
  2. ชุดโฆษณา (Ad Set)
  3. โฆษณา (Ad)

ในแต่ละชั้นนั้น จะมีการกำหนดค่าสำคัญต่าง ๆ ในการสร้าง Facebook Ads ที่แตกต่างกันไป และจะทำให้เรารู้ว่ามีอะไรบ้างที่เราต้องทำในแต่ละชั้น เพื่อที่จะสามารถสร้างโฆษณา Facebook Ads ออกมาให้เสร็จสมบูรณ์และถูกต้องตรงตามความต้องการของผู้ทำโฆษณาได้

โครงสร้างทั้งหมดของ Campaign Structure

แคมเปญ (Campaign)

แคมเปญแรกสุดของ Campaign Structure มีสิ่งเดียวที่ผู้ทำโฆษณา Facebook Ads ต้องทำในขั้นตอนนี้คือ การกำหนดวัตถุประสงค์ของโฆษณา (Campaign Objective) ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งเดียว แต่เป็นสิ่งที่สำคัญมากนะบอกก่อนเลย

ปัจจุบันวัตถุประสงค์ของโฆษณา Facebook Ads มีทั้งหมด 13 วัตถุประสงค์ (ข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม 2561) แบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่ตาม Marketing Stage คือ

แคมเปญ (Campaign)

หมวดหมู่ที่ 1 – การรับรู้ (Awareness) มี 2 วัตถุประสงค์ คือ

  1. การรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness)
  2. การเข้าถึง (Reach)

หมวดหมู่ที่ 2 – การพิจารณา (Consideration) มี 8 วัตถุประสงค์ คือ

  1. จำนวนผู้เข้าชม (Traffic)
  2. การมีส่วนร่วมกับโพสต์ (Post Engagement)
  3. จำนวนการกดถูกใจเพจ (Page Likes)
  4. การตอบรับงานกิจกรรม (Event Responses)
  5. จำนวนการติดตั้งแอป (App Installs)
  6. จำนวนการรับชมวิดีโอ (Video Views)
  7. การสร้างลูกค้าเป้าหมาย (Lead Generation)
  8. ข้อความ (Messages)

หมวดหมู่ที่ 3 – คอนเวอร์ชัน (Conversion) มี 3 วัตถุประสงค์ คือ

  1. คอนเวอร์ชัน (Conversions)
  2. การขายแค็ตตาล็อก (Catalog Sales)
  3. การเยี่ยมชมหน้าร้าน (Store Visits)

ทั้ง 13 วัตถุประสงค์นี้มีหน่วยของค่าผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป ขอยกตัวอย่างวัตถุประสงค์ที่มีคนใช้งานกันอยู่บ่อย ๆ ก่อนนะ

  • การเข้าถึง (Reach) จำนวนคนที่เห็นโฆษณาเรา นั่นแปลว่า ถ้าเราเลือกวัตถุประสงค์นี้จะสามารถทำให้โฆษณามีคนเห็นได้มากที่สุด เพราะจำนวนคนเป็นค่าที่ถูก ทำให้เกิดจำนวนมาก ๆ นั่นเอง
  • จำนวนผู้เข้าชม (Traffic) เป็นวัตถุประสงค์ที่มีหน่วยของผลลัพธ์ได้ 2 กรณีคือ จำนวนการเข้าชมแลนดิ้งเพจ (Landing Page Views) กับจำนวนการคลิกลิงก์ (Link Clicks) นั่นคือเราสามารถเลือกที่จะ ทำให้เกิดค่าผลลัพธ์ 1 ใน 2 ค่านี้ให้เกิดจำนวนมาก ๆ ได้
  • การมีส่วนร่วมกับโพสต์ (Post Engagement) เป็นวัตถุประสงค์ที่มีคนใช้งานเยอะที่สุด หน่วยของผลลัพธ์คือจำนวนการมีส่วนร่วมกับโพสต์ (Post Engagement) เช่น Like Share Comment เป็นต้น ซึ่งก็จะเป็นการ ทำให้เกิดค่าเหล่านี้ของโพสต์มากขึ้น
  • จำนวนการกดถูกใจเพจ (Page Likes) เป็นวัตถุประสงค์ที่มีหน่วยของผลลัพธ์เป็นจำนวนการกดถูกใจเพจ (Page Likes) ซึ่งถ้าทำโฆษณาด้วยวัตถุประสงค์นี้ก็จะเป็นการ ทำให้เกิดจำนวนการกด Like ของเพจเรามากขึ้นนั่นเอง
  • จำนวนการรับชมวิดีโอ (Video Views) เป็นวัตถุประสงค์ที่คนส่วนใหญ่จะเลือกหน่วยของผลลัพธ์เป็น การรับชมวิดีโอนาน 10 วินาที (10-Second Video Views) นั่นคือ เราจะได้จำนวนการรับชมวิดีโอที่นานอย่างน้อย 10 วินาทีเพิ่มขึ้น
  • การสร้างลูกค้าเป้าหมาย (Lead Generation) เป็นวัตถุประสงค์ที่มีหน่วยของผลลัพธ์เป็นจำนวนลูกค้าเป้าหมาย (Leads) หรือคนที่มีโอกาสมาเป็นลูกค้าเราได้ในอนาคตครับ ลักษณะของโฆษณาชนิดนี้จะเป็นฟอร์มให้กรอก เมื่อมีคนส่งข้อมูลที่กรอกให้เรา ก็จะนับเป็นหนึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นวัตถุประสงค์โฆษณานี้ก็จะพยายาม ทำให้เกิดจำนวนลูกค้าเป้าหมาย หรือคนที่มากรอกฟอร์มและส่งให้เรามาก ๆ นั่นเอง
  • ข้อความ (Messages) เป็นวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการแชทผ่าน Facebook Messenger หรือที่คนไทยจะเรียกกันติดปากว่ากล่องข้อความ ในที่นี้จะขอพูดถึงหน่วยของผลลัพธ์ที่นิยมเลือกใช้กันคือ การตอบกลับข้อความ (Messaging Replies) หรือจะแปลง่ายๆนั้นคือ จำนวนข้อความที่คนแชทมาหาเรา นั่นคือ วัตถุประสงค์นี้สามารถที่จะ ทำให้เกิดการแชทมาก ๆ ได้นั้นเอง

นี้เป็นแค่แคมเปญส่วนหนึ่งเท่านั้นที่นิยมนำมาใช้มากที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องวิเคราะห์สินค้า+แคมเปญของเรา ว่าเหมาะกับการตั้งวัตถุประสงค์อะไร ถ้าเรากำหนดวัตถุประสงค์ตรงตามสินค้าของเราได้แล้วนั้น งบประมาณการจ่ายเงินให้กับ Facebook ก็จะไม่บานปลายด้วยเช่นกัน