8เหตุผลที่คุณควรทำ Influencer Campaigns กับเอเจนซี่หรือมืออาชีพ

8 เหตุผลที่คุณจำเป็นต้องใช้บริการของเอเจนซี่ ในรูปแบบของ Influencer Campaigns เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Social Media ของธุรกิจคุณ

Home - 8 เหตุผลที่คุณจำเป็นต้องใช้บริการของเอเจนซี่ ในรูปแบบของ Influencer Campaigns เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Social Media ของธุรกิจคุณ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การทำการตลาดในรูปแบบของ Social Influencer Marketing ผ่านช่องสื่อ Social Media ต่าง ๆ ได้กลายเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มยอดขาย, สร้างความภักดีต่อผลิตภัณฑ์ และ ยังสามารถสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ได้อย่างไร้ที่ติ โดยInfluencer Campaigns นี้ เป็นเครื่องมือที่ ถูกใช้โดยธุรกิจทุกประเภทตั้งแต่ SMEs, Startups ไปจนถึง บริษัท ขนาดใหญ่และองค์กรทั่วโลก

นอกจากนี้การใช้งานเครื่องมือการทำการตลาดแบบ Social Influencer Marketing ยังนำผลประโยชน์อีกมากมายเข้ามาสู่ธุรกิจของคุณอาจเป็นเรื่องสนุกที่จะได้ทำงานร่วมกับเหล่า ดาราคนดัง หรือ บล็อกเกอร์ที่คุณชื่นชอบ และยังได้รู้จักพวกเขาเป็นการส่วนตัวอีกด้วยและที่สำคัญตัวคุณเอง หรือ ฝ่ายการตลาดภายในองค์กรของคุณยังสามารถเข้ามามีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งในการสื่อสาร, ออกแบบมุมมองเพื่อสร้างเรื่องราว, สร้างเนื้อหา ฯลฯ ในขณะเดี่ยวกันการทำการตลาดแบบนี้ยังถือเป็นการสร้างพันธมิตรทางการตลาดที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจของคุณสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน

ฟังดูน่าสนใจใช่ไหม ? แต่น่าเสียดายที่ความเป็นจริงนั้นช่างไกลจากความสมบูรณ์แบบที่กล่าวมาข้างต้น เพราะการทำงานร่วมกับเหล่าผู้มีอิทธิพลทางความคิดนั้นค่อนข้างมีความท้าทายและใช้เวลานาน

ทราบหรือไม่ว่าทำไม ? เรารวบรวม 8 เหตุผลหลักที่คุณต้องการผู้เชี่ยวชาญด้าน Social Influencer Marketing เข้ามาช่วยจัดการแคมเปญสำคัญ ๆ ของคุณ

1. การขาดความคิดสร้างสรรค์

เหล่าผู้มีอิทธิพลทางความคิดจะต้องรับมือกับบรรดาผู้ติดตามจำนวนมาก ทำให้บ่อยครั้งเขาไม่สามารถนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ในกลยุทธ์การเล่าเรื่องราวให้กับแคมเปญของคุณได้ หากไม่มีผู้ที่มีความเชี่ยวชาญอยู่ในโครงการนั้น ๆ สิ่งที่ตามมาคือคุณจะพบกับภาพจอมปลอมที่สร้างขึ้นไม่มีความเป็นธรรมชาติและบทวิจารณ์ที่น่าเบื่อจะตามมาเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะไม่ทำให้ แบรนด์ของคุณมีความโดดเด่นในท่ามกลางผู้โฆษณารายอื่น ๆ ผู้มีอิทธิพลทางความคิดอาจลังเลที่จะให้อิสระในการแสดงความคิดเห็นกับผู้รับชมของพวกเขา และเขาจะไม่ยอมรับความคิดของ แบรนด์หากแบรนด์บังคับใช้ความคิดของตนเองกับพวกเขา

ตัวแทนที่มีความเชี่ยวชาญจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ให้กับคุณได้ เนื่องจากรู้วิธีการที่จะร่วมมือกับเหล่าผู้มีอิทธิพลทางความคิดเพื่อยกระดับประสิทธิภาพของเนื้อหาดิจิทัลในขณะเดียวกันตัวแทนจะช่วยเปรียบเทียบความแตกต่างของผู้มีอิทธิพลทางความคิดแต่ละคนและวิธีการสื่อสารกับกลุ่มคนที่มีความชื่นชอบที่แตกต่างกันด้วย

2. การสื่อสารที่ยากลำบาก

เหล่าผู้มีอิทธิพลทางความคิดเป็นคนที่ “ยุ่ง” อยู่เสมอดังนั้นติดต่อสื่อสารและการเจรจาต่อรองกับพวกเขานั้นถือว่ายากมาก โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับค่าธรรมเนียมในการติดต่อ เงื่อนไขการชำระเงินต่าง ๆ อาจเกิดความผิดพลาดได้

ตัวแทนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเหล่าผู้มีอิทธิพลทางความคิดมากกว่าจะสามารถเจรจาต่อรองได้ทั้งในเรื่องของ ราคาและเงื่อนไขที่ดีที่สุดกับพวกเขาได้เพื่อให้ข้อตกลงทุกอย่างเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายด้วยความเท่าเทียมกันช่วยให้แบรนด์ประหยัดเวลาและลดความยุ่งเหยิงในแต่ละจุดได้

3. ราคาที่ดีที่สุด

ผู้มีอิทธิพลทางความคิดเหล่านี้มักจะเสนอราคาที่สูงเกินกว่าความเป็นจริงเมื่อได้รับการติดต่อจาก แบรนด์โดยตรง ไม่มีการกำหนดราคาแบบคงที่สำหรับบริการของพวกเขา และฝ่ายการตลาดภายในของ แบรนด์ส่วนใหญ่ไม่ทราบถึงวิธีการประเมินราคาที่เหมาะสมเมื่อทางผู้มีอิทธิพลทางความคิดตั้งราคา

ตัวแทนสามารถค้นหาและสร้างโอกาสที่ดีที่สุดในการร่วมมือกับเหล่าผู้มีอิทธิพลทางความคิด เพื่อให้แบรนด์ประสบความสำเร็จได้มากกว่าแบรนด์อื่น ๆ ทั้งในอุตสาหกรรมเดียวกันและต่างอุตสาหกรรม นั่นเป็นเพราะเราสามารถต่อราคาได้ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับการที่แบรนด์ติดต่อไปยังผู้มีอิทธิพลโดยตรง และแบรนด์ยังสามารถเปรียบเทียบราคาที่เหมาะสมได้

4. เรื่องของสัญญา

เนื่องจากความซับซ้อนของข้อบังคับทางกฎหมายในเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องยากที่จะติดต่อให้ทางผู้มีอิทธิพลทางความคิดเซ็นสัญญากับแบรนด์โดยตรง

เมื่อคุณมีตัวแทนเป็นคนกลางในการจัดการปัญหาเรื่องข้อบังคับทางกฎหมายให้ คุณก็สามารถลดความกังวลใจเหล่านี้ออกไปได้ทำให้คุณมุ่งจัดการแคมเปญได้อย่างเต็มที่

5. การจำกัดการแก้ไขชิ้นงาน

เนื้อหาที่คุณต้องการจากผู้มีอิทธิพลทางความคิดของคุณอาจถูกจำกัดการแก้ไข ทำให้คุณไม่ได้ชิ้นงานที่ตรงเป้าที่สุด และที่แย่ไปกว่านั้นหากแบรนด์ของคุณขาดความรู้ความเข้าใจในการจัดการเนื้อหาของสื่อออนไลน์ ไม่สามารถระบุความต้องการหรือข้อบกพร่องได้อย่างตรงจุด คุณจะไม่ได้รับการแก้ไขจากเหล่าผู้มีอิทธิพลทางความคิดอย่างแน่นอน และคุณอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องการแก้ไข ซึ่งหมายความว่าผลงานของพวกเขาเป็นแบบครั้งเดียว เขาอาจจะไม่ลงรายละเอียดในการแก้ไขงานให้กับแบรนด์ของคุณ

เมื่อเราต่อรองกับเหล่าผู้มีอิทธิพลทางความคิดด้วยความรู้ความเข้าใจในอุตสาหกรรมนั้น ๆ เราสามารถระบุความต้องการได้อย่างตรงจุดและสามารถเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงก่อนที่จะเผยแพร่ข้อความไปทาง Social Media ต่าง ๆ เนื่องจากการติดต่อประสานงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องจากเราทำให้เรามีความสามารถในการต่อรองที่มากกว่า

6. เงื่อนไขในการชดเชย

เนื่องจากผู้มีอิทธิพลทางความคิดส่วนใหญ่ต้องการเงินค่าตอบแทนจำนวนมากเพื่อทำสัญญาก่อนที่จะเริ่มต้นสร้างเนื้อหาให้กับแบรนด์ของคุณ

หากคุณมีตัวแทนที่ติดต่อกับผู้มีอิทธิพลโดยตรง คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนก้อนใหญ่ในการทำสัญญาในเบื้องต้นและลดความเสี่ยงหรือลดความกังวลว่าจะศูนย์เสียเงินไปก่อนที่จะได้ผลลัพธ์ของเนื้อหาที่คุณต้องการ

7. การตรวจสอบ

การที่แบรนด์จะติดตามตรวจสอบเนื้อหาของเหล่าผู้มีอิทธิพลทางความคิดนั้นถือเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งมือคุณต้องรับมือกับผู้มีอิทธิพลทางความคิดหลาย ๆ คนในเวลาเดียวกัน

เราใช้แพลตฟอร์มที่แตกต่างกันและการตั้งค่าการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพเพื่อติดตามสถานะของเนื้อหาที่ส่งผลต่อยอดขายและชื่อเสียงของแบรนด์ว่าเป็นอย่างไร และเราคิดว่าคุณควรได้รับรายงานความคืบหน้าและรายงานสรุปผลที่ได้รับการปรับปรุงอยู่เสมอเพื่อให้คุณสามารถวางแผนแคมเปญต่อ ๆ ไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

8. การเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหา

โดยส่วนใหญ่แล้วผู้มีอิทธิพลทางความคิดไม่ทราบถึงวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพและการวัดผลเชิงลึกให้กับเนื้อหาที่พวกเขาผลิตขึ้น เช่น การใช้แฮชแท็กอย่างถูกต้อง, การทำ SEO ฯลฯ นั่นหมายความว่าเนื้อหาของแบรนด์จะไม่มีทางทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

เราคือทีมงานตัวแทนการทำสื่อ Social Media ที่ชำนาญและเชี่ยวชาญการทำ SEO นั่นหมายความว่าเนื้อหาของคุณจะได้รับการดูแลอย่างมืออาชีพเราจะทำให้คุณแน่ใจได้ว่าเนื้อหาของคุณแสดงในทุก ๆ ช่องทางและจะมีผลระยะยาวให้กับแบรนด์ของคุณแม้แคมเปญนั้นจะจบไปแล้วก็ตาม