SEO Keyword คืออะไร คู่มือในการเลือกใช้คีย์เวิร์ดอย่างถูกต้อง

seo keyword

ในโลกของการตลาดดิจิทัลยุคใหม่ การสร้างเว็บไซต์หรือคอนเทนต์ให้ติดอันดับในหน้าผลการค้นหาของ Google ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสวยงามของเว็บไซต์หรือจำนวนบทความที่มากที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่หัวใจสำคัญอยู่ที่ “คีย์เวิร์ด” หรือคำค้นหาที่ผู้ใช้งานพิมพ์ลงไปในช่องค้นหา เพื่อหาข้อมูล สินค้า หรือบริการที่ต้องการ การเข้าใจว่า SEO Keyword คืออะไร และสามารถเลือกใช้ได้อย่างถูกต้อง จึงเป็นรากฐานสำคัญของการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพ

keyword seo คือ

SEO Keyword คืออะไร?

SEO Keyword คือ คำหรือวลีที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตใช้เพื่อค้นหาข้อมูลในเครื่องมือค้นหา เช่น Google, Bing หรือ Yahoo โดยเว็บไซต์ที่ต้องการให้ติดอันดับในหน้าแรกของผลการค้นหาควรมีการใส่คีย์เวิร์ดเหล่านี้อย่างเหมาะสมภายในบทความ เพื่อให้ระบบอัลกอริทึมของเสิร์ชเอนจินเข้าใจว่า เนื้อหาของเว็บไซต์นั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้ค้นหากำลังมองหา

ตัวอย่างเช่น หากคุณทำเว็บไซต์ขายกาแฟและเลือกใช้คีย์เวิร์ดหลักว่า “เมล็ดกาแฟคั่วสด” เมื่อผู้ใช้พิมพ์คำนี้ลงใน Google เว็บไซต์ของคุณก็มีโอกาสปรากฏบนหน้าแรกได้ หากมีการจัดวางคีย์เวิร์ดอย่างถูกต้องและมีเนื้อหาที่ตอบโจทย์ผู้ค้นหาได้อย่างแท้จริง

คีย์เวิร์ดที่ดีไม่เพียงช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับ แต่ยังช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ดีขึ้น ว่าพวกเขากำลังค้นหาอะไร มีความสนใจแบบไหน และอยู่ในขั้นตอนใดของการตัดสินใจ เช่น ต้องการข้อมูลทั่วไป ต้องการเปรียบเทียบ หรือพร้อมจะซื้อ

ประเภทของ SEO Keyword มีอะไรบ้าง

เพื่อให้คุณสามารถวางกลยุทธ์ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องเข้าใจว่าคีย์เวิร์ดไม่ได้มีเพียงประเภทเดียว แต่แบ่งออกได้หลายรูปแบบตามเจตนาของผู้ค้นหาและระดับความเฉพาะเจาะจงของคำ ซึ่งแต่ละประเภทมีบทบาทต่างกัน ดังนี้

1. Short-tail Keyword (คีย์เวิร์ดแบบสั้น)

เป็นคำค้นหาที่มีเพียง 1–2 คำ เช่น “กล้อง”, “รองเท้า”, “ท่องเที่ยว” คำเหล่านี้มีจำนวนการค้นหาสูงมาก เพราะคนทั่วไปนิยมใช้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีการแข่งขันสูงมาก เว็บไซต์ใหม่หรือธุรกิจขนาดเล็กอาจยากที่จะติดอันดับได้หากใช้คีย์เวิร์ดเหล่านี้เพียงอย่างเดียว

อย่างไรก็ตาม คีย์เวิร์ดสั้นเหมาะสำหรับใช้สร้างการรับรู้แบรนด์ในระยะยาว เพราะสามารถดึงดูดผู้เข้าชมจำนวนมากได้ แม้จะไม่เฉพาะเจาะจงก็ตาม

2. Long-tail Keyword (คีย์เวิร์ดยาว)

คีย์เวิร์ดประเภทนี้มักประกอบด้วย 3–5 คำขึ้นไป เช่น “ร้านกาแฟบรรยากาศดีใกล้สยาม” หรือ “รองเท้าวิ่งผู้หญิงสำหรับมาราธอน” แม้จะมีจำนวนการค้นหาน้อยกว่า แต่เป็นคำที่มีความตั้งใจสูง (High Intent Keyword) ผู้ค้นหามักรู้แล้วว่าต้องการอะไร ดังนั้นโอกาสในการแปลงเป็นยอดขายหรือการสมัครสมาชิกจึงมีมากกว่า

การใช้คีย์เวิร์ดยาวจึงเป็นกลยุทธ์ที่นิยมในปัจจุบัน โดยเฉพาะกับธุรกิจเฉพาะทาง หรือเว็บไซต์ที่ต้องการเน้นคุณภาพของผู้เข้าชมมากกว่าปริมาณ

3. LSI Keyword (Latent Semantic Indexing)

คือคำที่มีความหมายหรือบริบทใกล้เคียงกับคีย์เวิร์ดหลัก เช่น หากคีย์เวิร์ดหลักคือ “กล้องถ่ายรูป” LSI Keyword อาจเป็นคำว่า “เลนส์กล้อง”, “กล้อง DSLR”, “กล้อง mirrorless” การแทรกคำเหล่านี้ในบทความช่วยให้ Google เข้าใจว่าเนื้อหาของคุณมีความลึกและครอบคลุม

Google ชื่นชอบบทความที่ไม่ได้ยึดติดกับคำซ้ำๆ แต่มีบริบทหลากหลายที่สอดคล้องกับหัวข้อหลัก เพราะสะท้อนว่าเว็บไซต์นั้นให้ประโยชน์แก่ผู้อ่านจริง

4. Transactional Keyword (คีย์เวิร์ดเพื่อการซื้อขาย)

เป็นคีย์เวิร์ดที่แสดงถึงเจตนาในการ “ซื้อ” อย่างชัดเจน เช่น “ซื้อไอโฟน 15 ออนไลน์”, “สมัครคอร์สเรียนภาษาญี่ปุ่น” หรือ “จองโรงแรมราคาถูกในเชียงใหม่” ผู้ค้นหากลุ่มนี้มักอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการตัดสินใจซื้อ ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการสร้างยอดขายโดยตรง

การใช้คีย์เวิร์ดแบบ Transactional ควรใช้ในหน้าสินค้า หน้ารับจอง หรือ Landing Page เพื่อเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย

5. Informational Keyword (คีย์เวิร์ดเพื่อหาข้อมูล)

คีย์เวิร์ดประเภทนี้มักขึ้นต้นด้วยคำถาม เช่น “seo keyword คืออะไร”, “วิธีปลูกต้นไม้ในกระถาง”, “ทำไมต้องออกกำลังกายตอนเช้า” ผู้ค้นหาต้องการคำตอบหรือความรู้เพิ่มเติม เหมาะสำหรับใช้ในบทความให้ความรู้หรือบล็อก

แม้ผู้ค้นหากลุ่มนี้ยังไม่พร้อมซื้อทันที แต่เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่สามารถเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าในอนาคตได้ หากคุณให้ข้อมูลที่มีคุณค่าและน่าเชื่อถือ

6. Navigational Keyword (คีย์เวิร์ดเพื่อค้นหาแบรนด์หรือเว็บไซต์)

เป็นคำค้นหาที่ผู้ใช้ต้องการเข้าถึงเว็บไซต์หรือแบรนด์โดยตรง เช่น “Facebook login”, “Shopee Thailand”, “Apple Store” คำเหล่านี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

Keyword Research คืออะไร

keyword research คืออะไร

Keyword Research เป็นกระบวนการค้นหา วิเคราะห์ และคัดเลือกคำค้นหา (Keywords) ที่ผู้คนใช้ในเครื่องมือค้นหา เช่น Google, Bing หรือ YouTube เพื่อให้เข้าใจว่า “ผู้ใช้ต้องการอะไร” และ “พวกเขาใช้คำแบบไหนในการค้นหา หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ Keyword Research เป็นขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดของการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพราะช่วยให้คุณรู้ว่าควรสร้างเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ใช้คำแบบไหนถึงจะตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับในหน้าผลการค้นหามากที่สุด

วิธีเลือก SEO Keyword ให้เหมาะกับเว็บไซต์ของคุณ

การเลือกคีย์เวิร์ดเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดของการทำ SEO เพราะหากเลือกผิดตั้งแต่ต้น จะทำให้เนื้อหาทั้งหมดไม่สามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง มาดูแนวทางการเลือกคีย์เวิร์ดที่ถูกต้องกัน

วิธีเลือก keyword

1. ศึกษากลุ่มเป้าหมาย

เริ่มจากการเข้าใจกลุ่มลูกค้าของคุณ เช่น อายุ ความสนใจ ปัญหาที่เขาต้องการแก้ และคำที่เขามักใช้ค้นหาข้อมูล วิธีนี้จะช่วยให้คุณเลือกคีย์เวิร์ดที่ตอบโจทย์และเข้าถึงลูกค้าได้ตรงจุด

2. ใช้เครื่องมือวิเคราะห์คีย์เวิร์ด

ปัจจุบันมีเครื่องมือมากมายที่ช่วยให้คุณหาคำค้นหาที่เหมาะสม เช่น

  • Google Keyword Planner – เครื่องมือฟรีจาก Google สำหรับดูปริมาณการค้นหา
  • Ahrefs / SEMrush / Ubersuggest – ใช้ดูความยากของคีย์เวิร์ด (Keyword Difficulty) และคีย์เวิร์ดที่คู่แข่งใช้
  • Google Trends – สำหรับดูแนวโน้มความนิยมของคำค้นในช่วงเวลาต่างๆ

3. วิเคราะห์คู่แข่ง

การศึกษาคู่แข่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผล คุณสามารถดูว่าคู่แข่งของคุณใช้คีย์เวิร์ดอะไร เว็บไซต์ของเขาติดอันดับเพราะอะไร และเนื้อหาแบบไหนที่ดึงดูดผู้ชมได้มากที่สุด

4. เลือกคีย์เวิร์ดหลักและคีย์เวิร์ดรอง

คีย์เวิร์ดหลักควรเป็นคำที่สะท้อนหัวข้อหลักของหน้า เช่น “seo keyword คือ” ส่วนคีย์เวิร์ดรองอาจเป็นคำใกล้เคียงหรือขยายความ เช่น “ประเภทของคีย์เวิร์ด SEO”, “คู่มือเลือกคีย์เวิร์ด SEO” เพื่อเพิ่มโอกาสให้ Google เข้าใจเนื้อหามากขึ้น ซึ่งการเลือกใช้บริการรับทำ SEO จากผู้เชี่ยวชาญสามารถช่วยคุณให้วางแผนได้อย่างรอบคอบ

5. ใส่คีย์เวิร์ดในตำแหน่งสำคัญ

ตำแหน่งที่ควรใส่คีย์เวิร์ดได้แก่

  • ชื่อบทความ (Title Tag)
  • คำอธิบาย (Meta Description)
  • หัวข้อย่อย (H2, H3)
  • ย่อหน้าแรกของเนื้อหา
  • URL ของหน้า

แต่ควรใส่ในลักษณะที่เป็นธรรมชาติ ไม่ยัดเยียด เพราะ Google สามารถตรวจจับ “Keyword Stuffing” ได้ และอาจลดอันดับเว็บไซต์ของคุณ

เทคนิคเสริมการใช้คีย์เวิร์ดให้ได้ผลจริง

เทคนิคเสริมการใช้คีย์เวิร์ดให้ได้ผลจริง ที่ควรนำไปปรับใช้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า การอัปเดตคีย์เวิร์ดให้ทันสมัย การใช้คีย์เวิร์ดเชิงพื้นที่ หรือการกระจายคีย์เวิร์ดในหลายรูปแบบของคอนเทนต์ มีดังนี้

  • สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า Google ให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่ตอบคำถามผู้ใช้ได้ดีที่สุด ดังนั้นการใส่คีย์เวิร์ดโดยไม่ให้เนื้อหามีประโยชน์จะไม่ได้ผล ควรเน้นคุณภาพก่อนปริมาณเสมอ
  • อัปเดตคีย์เวิร์ดอย่างต่อเนื่อง เทรนด์ของคำค้นหาเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น คำที่เคยนิยมเมื่อปีก่อนอาจไม่ถูกค้นหาในปีนี้ ควรตรวจสอบคีย์เวิร์ดใหม่ๆ ทุก 3–6 เดือน
  • ใช้คีย์เวิร์ดเชิงพื้นที่ (Local SEO) หากธุรกิจของคุณมีหน้าร้าน เช่น “คลินิกเสริมความงามในเชียงใหม่” หรือ “ร้านอาหารญี่ปุ่นสุขุมวิท” การเพิ่มชื่อพื้นที่ลงในคีย์เวิร์ดจะช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ได้ง่ายขึ้น
  • ใช้คีย์เวิร์ดในหลายรูปแบบของคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นบทความ วิดีโอ รูปภาพ หรือรีวิว ควรใส่คีย์เวิร์ดในชื่อไฟล์และคำอธิบาย เพื่อเพิ่มโอกาสให้ระบบค้นหาเข้าใจเนื้อหาในทุกมิติ

 

ใช้ keyword ทำ SEO

SEO Keyword คือ ก้าวแรกของการทำ SEO อย่างมีประสิทธิภาพ

การรู้ว่า SEO Keyword คือ อะไร และเข้าใจประเภทต่างๆ ของมัน จะช่วยให้คุณสร้างเนื้อหาที่มีทิศทางและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม ไม่เพียงช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับ แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ในระยะยาวอีกด้วย

อย่าลืมว่า การทำ SEO ไม่ได้แข่งกันที่ใครใช้คีย์เวิร์ดมากกว่า แต่แข่งกันที่ใคร “เข้าใจผู้ใช้” และ “ตอบโจทย์ความต้องการ” ได้ดีกว่าต่างหาก

ArioMarketing เอเจนซี่การตลาดออนไลน์ เราเข้าใจดีว่า SEO Keyword คือ ก้าวแรกของการทำ SEO อย่างมีประสิทธิภาพ การรู้ว่า SEO Keyword คือ อะไร และเข้าใจประเภทต่างๆ ของมัน จะช่วยให้คุณสร้างเนื้อหาที่มีทิศทางและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม ไม่เพียงช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับ แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ในระยะยาวอีกด้วย 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ SEO Keyword

SEO Keyword คืออะไร และทำไมถึงสำคัญต่อการทำ SEO?

 SEO Keyword คือ คำหรือวลีที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตพิมพ์ลงในเครื่องมือค้นหา เช่น Google เพื่อค้นหาข้อมูล สินค้า หรือบริการ เว็บไซต์ที่มีการใช้คีย์เวิร์ดอย่างถูกต้องจะมีโอกาสติดอันดับสูงขึ้น การเข้าใจและเลือกคีย์เวิร์ดอย่างเหมาะสมช่วยให้เนื้อหาของคุณตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา สร้างโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ในระยะยาว

 คีย์เวิร์ด SEO แบ่งออกเป็นหลายประเภทตามเจตนาของผู้ค้นหา เช่น

  • Short-tail Keyword: คำสั้น 1–2 คำ เช่น “รองเท้า” มีปริมาณค้นหาสูงแต่การแข่งขันสูง
  • Long-tail Keyword: คำยาว 3–5 คำ เช่น “รองเท้าวิ่งผู้หญิงสำหรับมาราธอน” มีการตั้งใจสูงและแปลงเป็นยอดขายง่าย
  • LSI Keyword: คำที่มีบริบทใกล้เคียงกับคีย์เวิร์ดหลัก เช่น “เลนส์กล้อง” กับ “กล้อง DSLR”
  • Transactional Keyword: คำแสดงเจตนาในการซื้อ เช่น “ซื้อไอโฟน 15 ออนไลน์”
  • Informational Keyword: คำค้นหาที่ต้องการความรู้ เช่น “seo keyword คืออะไร”
  • Navigational Keyword: คำค้นหาแบรนด์หรือเว็บไซต์ เช่น “Facebook login”

 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่

  • ศึกษากลุ่มเป้าหมายว่าพวกเขาสนใจอะไร และใช้คำค้นแบบไหน
  • ใช้เครื่องมือวิเคราะห์คีย์เวิร์ด เช่น Google Keyword Planner, Ahrefs, SEMrush, Google Trends
  • วิเคราะห์คู่แข่งเพื่อดูว่าพวกเขาใช้คำไหนและติดอันดับเพราะอะไร
  • เลือกคีย์เวิร์ดหลักและคีย์เวิร์ดรองให้เหมาะสม
  • วางคีย์เวิร์ดในตำแหน่งสำคัญอย่างเป็นธรรมชาติ เช่น Title, Meta Description, H2/H3, ย่อหน้าแรก, URL
  • สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า: เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ Google ให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่ตอบโจทย์ผู้ใช้
  • อัปเดตคีย์เวิร์ดอย่างต่อเนื่อง: ตรวจสอบคำค้นใหม่ ๆ ทุก 3–6 เดือนเพื่อตามเทรนด์
  • ใช้คีย์เวิร์ดเชิงพื้นที่ (Local SEO): เช่น “ร้านอาหารญี่ปุ่นสุขุมวิท” เพื่อเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่
  • ใช้คีย์เวิร์ดในหลายรูปแบบของคอนเทนต์: บทความ, วิดีโอ, รูปภาพ, รีวิว เพื่อเพิ่มมุมมองให้ระบบค้นหาเข้าใจเนื้อหาหลายมิติ

 ArioMarketing เข้าใจว่า SEO Keyword คือ ก้าวแรกของการทำ SEO อย่างมีประสิทธิภาพ เราช่วยให้คุณรู้ว่า SEO Keyword คืออะไร มีกี่ประเภท และวิธีเลือกใช้คีย์เวิร์ดอย่างถูกต้อง เพื่อสร้างเนื้อหาที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มโอกาสติดอันดับ และสร้างความเชื่อมั่นให้แบรนด์ระยะยาว สนใจร่วมงาน ติดต่อเราได้เลยตอนนี้!